หลังจากพันธมิตรบุกเข้าอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ ได้สัก 1 ชั่วโมง ผมก็ต้องตัดสินใจว่าจะถอยหลังกลับบ้าน หรือจะเดินหน้าต่อ
โอกาสที่เที่ยวบินจะโดนยกเลิกมีสูงมาก แต่ถ้าบังเอิญเขาไม่ยกเลิกล่ะ? ผมคงจะเสียดายที่ตื่นตระหนกเกินไป ในที่สุดผมก็เลือกที่จะเดินหน้าเข้า ตม. อย่างมากถ้าเที่ยวบินถูกยกเลิกผมก็แค่เสียเวลาคืนนี้ทั้งคืน
การตรวจพาสปอร์ตผ่านไปอย่างราบรื่น เหมือนว่าเจ้าหน้าที่ ตม. จะไม่ได้ยินประกาศของสนามบิน
ผมเดินเข้าไปเรื่อย ๆ จนถึง เกทที่จะไปขึ้นเครื่อง แต่กลับพบว่าเกทถูกปิดชั่วคราว เพราะไม่รู้ว่าเที่ยวบินจะยกเลิกหรือเปล่า มองไปรอบตัว ทุกคนยืนนิ่ง สายตาจับจ้องที่จุดเดียวกันคือบอร์ดที่แสดงเที่ยวบินสำหรับคืนนี้ ซึ่งก็ถูกยกเลิกไปหลายเที่ยวบินแล้ว
ผมเลือกที่มุมว่าง ๆ มุมหนึ่งไม่ห่างจากทางเข้าเกท ทุกคนอยู่ในอาการเงียบสงบ ไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง คนต่างชาติมีหน้าตาที่เคร่งเครียดมากกว่าคนไทย เพราะเขาไม่รู้ว่าจะได้กลับบ้านเมื่อไร ในขณะที่คนไทยอย่างมากก็แค่กังวลเรื่องธุระที่จะไปทำที่ต่างประเทศ
ท่ามกลางความเงียบเหงาและอึมครึม ผมได้พบภาพของน้ำใจ ซึ่งดังขึ้นพร้อมกับสัญญาณ บี๊พ บี๊พ บี๊พ ของเครื่องตรวจจับโลหะ ผมมองตามเสียงนั้นไป และพบว่ามีเจ้าหน้าที่ 2-3 คนกำลังยกเก้าอี้ยาวจากในเกทออกมาวางหน้าเครื่องตรวจจับโลหะ และตะโกนบอกว่า "elderly people sit here" คนที่ได้ยินคงยิ้มเหมือนกับผม
ในนาทีที่ยากลำบากในชีวิต เราได้เห็นน้ำใจของมนุษย์โลก ที่หยิบยื่นให้แก่กัน
แต่.....
คืนนี้ยังอีกยาวนานนัก เราจะช่วยเหลือกันไปได้อีกนานแค่ไหน เราจะต้องอยู่ในสถานที่แห่งนี้ต่อไปอีกกี่ชั่วโมง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น