วันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ประสบการณ์ลอดรูเข็ม

มีสุภาษิตเซ็นบทหนึ่งกล่าวว่า

ก่อนที่ท่านจะศึกษาเซน ภูเขาเป็นภูเขา และแม่น้ำก็คือแม่น้ำ
ในขณะที่ท่านศึกษาเซน และแม่น้ำมิใช่แม่น้ำ
หลังศึกษาเซน ภูเขากลับเป็นภูเขา และแม่น้ำก็เป็นแม่น้ำ

สุภาษิตบทนี้บอกผมว่าคนทั่วไปที่ไม่ได้ศึกษาเซ็น กับบัณฑิตที่ศึกษาเซ็นแล้ว ก็เห็นภูเขาเป็นภูเขา เห็นแม่น้ำเป็นแม่น้ำ เหมือนกัน แต่ความลุ่มลึกไม่เท่ากัน เพราะบัณฑิตเซ็นจะรู้จักส่วนของภูเขาที่ไม่ใช่ภูเขา และส่วนของแม่น้ำที่ไม่ใช่แม่น้ำ ในขณะที่คนทั่วไปก็มองเห็นแต่ภาพโดยรวม

ผมเรียกประสบการณ์แบบนี้ว่าประสบการณ์ลอดรูเข็ม เพราะผมนึกถึงเวลาจะร้อยด้ายผ่านรูเข็ม เราจะต้องทำปลายด้ายนั้นให้เล็กที่สุด จึงจะสามารถลอดรูเข็มได้ อากาศทั้งสองฝั่งของรูเข็มก็เป็นอากาศเดียวกัน การลอดรูเข็มจึงเหมือนกับว่าไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอะไร แต่ถ้าเราเป็นด้ายเส้นนั้น การลอดรูเข็มเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเรามาก เพราะด้ายที่ไม่ได้ลอดรูเข็มก็ไม่มีโอกาสจะได้ไปเย็บผ้าให้กลายเป็นเสื้อได้ ถ้าเราอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของอาภรณ์ที่งดงาม เรามีทางเลือกเพียงทางเดียวคือต้องลอดรูเข็มให้ได้

การฝึกกรรมฐานก็เป็นการลอดรูเข็มอีกวิธีหนึ่ง เพราะทำให้เราเห็นส่วนประกอบของจิต เราจะรู้จักส่วนย่อย ๆ ของจิตอย่างถ่องแท้ จากนั้น เราก็ถอยห่างออกมา มองเห็นจิตส่วนย่อยเหล่านั้น ค่อย ๆ ประกอบกันเข้าเป็นจิตใหญ่ ในท้ายสุดเราก็เห็นจิตใหญ่เป็นจิตเดียวเหมือนเมื่อก่อนจะฝึกกรรมฐาน แต่ระดับพัฒนาการของจิตเรานั้นไม่ได้อยู่ที่เดิม เพราะในขณะที่เราเห็นจิตใหญ่หนึ่งเดียวนั้น เราก็ได้เห็นจิตย่อยในจิตใหญ่นั้นด้วย

คอมพิวเตอร์ที่พวกเรากำลังมองอยู่นี้เป็นเครื่องมือสารพัดประโยชน์ เวลาเครื่องเสียเราก็แยกมันออกเป็นชิ้น ๆ เป็นเมนบอร์ด เป็นพาวเวอร์ซัพพลาย เป็นฮาร์ดดิสก์ ฯลฯ เราก็พินิจมองมันทีละชิ้นว่าชิ้นใดทำงานอย่างไร ชิ้นไหนเสียต้องเปลี่ยน จนเราเข้าใจกลไกการทำงานของมัน เวลานั้น คอมพิวเตอร์ไม่ใช่คอมพิวเตอร์ มันเป็นแค่ส่วนประกอบย่อย ๆ เราซ่อมแล้วเราก็ประกอบมันกลับคืน มันก็กลับกลายเป็นคอมพิวเตอร์เหมือนเดิม เราเห็นมันเป็นคอมพิวเตอร์เหมือนเดิม เหมือนที่เห็นภูเขาเป็นภูเขา เห็นแม่น้ำเป็นแม่น้ำ แต่เราได้รู้ได้เห็นอะไรที่มากกว่านั้นด้วย อย่างนี้ที่ผมเรียกว่าประสบการณ์ลอดรูเข็ม

คนที่เรียนโทเรียนเอก ก็คงจะมีประสบการณ์เหมือนกับผม คือยิ่งเรียนสูง ก็ยิ่งเรียนแคบลง ๆ เหมือนกับการเดินในอุโมงค์ที่ไม่รู้ความยาว รู้แต่ว่าอุโมงค์มันแคบลง ๆ เรื่อย ๆ และเราก็ต้องเดินไปเรื่อย ๆ หยุดไม่ได้ จนกระทั่งไปทะลุออกที่ปากอุโมงค์อีกฝั่งหนึ่ง จึงได้พบกับแสงสว่าง กว่าวิทยานิพนธ์ของเราจะได้ข้อสรุปแบบสั้น ๆ แค่ 1-2 ประโยค เราต้องทำการทดลองเพื่อยืนยันสมมติฐานนั้นหลายครั้ง ในการทดลองแต่ละครั้งเราใช้เวลาทดลองสั้น ๆ แต่ใช้เวลาเตรียมอุปกรณ์และเครื่องมือทดลองมาหลายวัน และก่อนหน้านั้นต้องเรียนวิชาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องมาอีกหลายเดือน จากวิชากว้าง ๆ แล้วก็เจาะแคบลง ๆ จนเล็กเป็นจุด จากจุดเล็ก ๆ ตรงนั้น มันก็พุ่งตรงทะลุเป้าหมายที่เราวางเอาไว้ และนำมาซึ่งข้อสรุปของการทดลอง

ตอนที่ดีที่สุดของประสบการณ์ลอดรูเข็มคือตอนที่เราสามารถอธิบายการทดลองของเราให้คนทั่วไปเข้าใจได้ ทั้ง ๆ ที่เขาไม่มีความรู้ในสาขาของเราเลย มันเป็นวินาทีที่เอนดอร์ฟินหลั่งออกมาราดรดสมองให้เปียกชุ่ม แบบที่มาสโลว์เรียกว่า Self-actualization แบบนั้นเลย

คนสองคนเรียนจบมาต่างสาขากัน สามารถแชร์ประสบการณ์ลอดรูเข็มกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะมันเป็นปรากฏการณ์ที่เหมือน ๆ กันสำหรับทุกคน เป็นประสบการณ์ที่ภูเขากลับมาเป็นภูเขา แม่น้ำก็กลับมาเป็นแม่น้ำเหมือนเดิม ส่วนด้ายก็ทะลุผ่านรูเข็มออกมาสู่อากาศห้วงเดิม ดังนั้นผมจึงไม่แปลกใจที่ดอกเตอร์หลายคนเขามีกระบวนการคิดที่คล้าย ๆ กัน

เมื่อผมมีโอกาส ผมจะแนะนำคนที่จะเรียนต่อโทหรือเอกว่าคุณต้องทำตัวเหมือนด้ายที่กำลังพยายามลอดรูเข็ม คือคุณต้องทำตัวให้เล็กและแกร่งพอที่จะลอดรูเล็ก ๆ ขนาดรูเข็มให้ได้ จะทำตัวว่าข้าใหญ่ก็ลอดรูเข็มไม่ได้ จะอ่อนปวกเปียกก็ลอดรูเข็มไม่ได้ ด้ายที่ลอดรูเข็มไม่ได้ก็ไม่มีสิทธิ์ไปอยู่บนอาภรณ์ที่งดงามได้

ด้ายที่เคยลอดรูเข็มสำเร็จมาครั้งหนึ่งแล้ว มักจะลอดได้อีกหลาย ๆ ครั้ง และครั้งต่อ ๆ ไปก็จะง่ายขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเรามีประสบการณ์แล้ว

ข้อควรระวังคือการลอดรูเข็มสำเร็จครั้งแรก ๆ มันมักจะปลาบปลื้มจนไม่ได้งานเป็นชิ้นเป็นอันไปหลายวัน ถ้าเตือนตัวเองได้ก็ควรหยุดปลาบปลื้มแล้วกลับมาทำงานต่อไป จะได้ลอดรูเข็มอีกหลาย ๆ ครั้งอย่างไม่มีวันสิ้นสุด... นะครับท่านผู้อ่าน