วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

พันธมิตรบุกสนามบิน ตอนที่ 6

ตี 2 เศษผมออกจากอาคารผู้โดยสารมาขึ้นรถแท็กซี่ เชื่อมั้ยครับใกล้ไกลคิดราคาเดียว 500 บาทครับ

เอาล่ะคืนนี้ผมเหนื่อยมาพอแล้ว ผมจะหาโรงแรมนอนแล้ว

คืนนี้พักเรื่องพันธมิตรไว้ก่อน

เช้าวันที่ 26 ผมตื่นค่อนข้างสาย เพราะนอนดึกมาก ช่วงกลางวันผมไปเดินตามห้าง ก็ได้พบว่าไม่มีบรรยากาศของความไม่สงบเลย ทุกอย่างดูเป็นปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยกเว้นเรื่องเดียว คือไม่ค่อยเห็นคนกรุงเทพฯ ใส่เสื้อเหลืองหรือเสื้อแดงแล้ว

เย็นวันที่ 26 เป็นกำหนดการที่ผมจะเดินทางกลับพิษณุโลก

ตอนที่จะเลี้ยวเข้าสนามบิน แท็กวี่เจ้ากรรมดันเลี้ยวจากโทลล์เวย์เข้าอาคารระหว่างประเทศ ก็เลยมาจ๊ะเอ๋กับพันธมิตรที่ตั้งด่านไว้รอรับที่เชิงสะพาน แต่ดีหน่อยที่เขาไม่กักรถเรา ปล่อยให้เลี้ยวออกถนนใหญ่ได้ ก่อนจะไปเลี้ยวเข้าอาคารในประเทศที่ทางเข้าถัดไป

การเช็คอินที่ดอนเมืองเป็นปกติ ไม่มีลางบอกเหตุใด ๆ ช่วงเย็นนี้ได้ยินข่าวเรื่อง พล.อ.อนุพงษ์ ผบ.ทบ. ออกมาแถลงการณ์การประชุมร่วมหลายฝ่าย ซึ่งเสนอให้นายกฯยุบสภา จัดการเลือกตั้งใหม่ แล้วก็มีข่าวว่านายกฯ บินไปลงที่เชียงใหม่แทน

มีคนปล่อยข่าวว่านายกจะบินมาประชุมที่กรุงเทพฯ หรือไม่งั้น รมต.ก็จะบินไปประชุมที่เชียงใหม่

ดอนเมืองจึงกลายเป็นเป้าหมายต่อไปของพันธมิตร ซึ่งเขาเพียงแต่เดินมาจากอาคารระหว่างประเทศไม่กี่ร้อยเมตรก็จะมาถึงแล้ว

และก็เป็นเช่นนั้น พันธมิตรเข้ายึดชั้นล่าง ผู้โดยสารขาเข้าจึงต้องเข้าที่ชั้นบน เข้ามาปะปนกับผู้โดยสารขาออกที่กำลังรอเที่ยวบินของตน สนามบินประกาศให้ทุกคนไปรวมตัวอยู่ด้านเกท 84 ซึ่งเป็นเกทที่ไกลที่สุด เผื่อว่าจะต้องอพยพคนลงไปที่จุดรวมพลข้างล่าง

คราวนี้โชคดีหน่อยที่พันธมตรทำงานมีขั้นตอนมากขึ้น เพียงไม่กี่นาทีต่อมา สนามบินก็ประกาศว่าเหตุการณ์ปกติแล้ว จะทำการบินต่อไป

หลังจากกลับมาพิษณุโลกแล้ว (ช้ากว่าปกติเกือบ 1 ชั่วโมง) ตอนเช้าจึงได้ทราบว่าพันธมิตรได้ยึดสนามบินดอนเมืองหลังจากเที่ยวบินสุดท้ายจากพิษณุโลกลงจอดที่ดอนเมือง เท่ากับว่าเป็นการปิดสนามบินโดยละมุนละม่อมกว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา

แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกับเมื่อคืนคือ พันธมิตรทำงานแบบไม่มีแผน และไม่มีการประชาสัมพันธ์ แล้วใครจะเข้าใจได้ว่าคุณทำงานด้วยความชอบธรรม หรือความชอบใจ? กองกำลังนับแสนที่ไม่มีวินัย ภายใต้การนำของแกนนำ 13 คนที่ไม่มีความเป็นหนึ่ง จะนำประเทศชาติไปสู่ทิศทางใด?

ผมรู้สึกสะอิดสะเอียนมากที่ได้ยินคำพูดจากพันธมิตรว่าไม่ต้องการยุบสภา แต่ต้องการแก้ด้วยการให้นายกลาออก แล้วจับมือกันระหว่างพันธมิตรกับรัฐบาลเพื่อจัดตั้งรัฐบาลประชาภิวัตน์ โดยไม่ใช่หมายถึงพลงต.จำลองเป็นนายก หรือแกนนำเป็นรัฐมนตรี

น่าสะอิดสะเอียนมาก ต่อสู้กันมานานหลายเดือน สิ่งที่พวกเขาต้องการคือการเป็นรัฐบาลโดยไม่ต้องเลือกตั้ง

นี่น่ะหรือคือกองทัพของประชาชน คือกองทัพธรรม คือกองทัพประชาภิวัตน์

หรือแค่กลุ่มอันธพาลที่อยากเป็นใหญ่ในบ้านเมือง

ผมเคยชื่นชมคุณสนธิ ลิ้มทองกุลในสมัยที่ท่านทำรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ เพราะรายการเต็มไปด้วยสาระเนื้อหา เบื้องลึก เบื้องหลัง และประวัติศาสตร์ คนที่ฟังแล้วจะได้รับความรู้ และตาสว่างขึ้น ได้เข้าใจมากขึ้นว่าที่รัฐบาลพูดนั้นมีความหมายโดยตรงว่าอย่างไร โดยนัยว่าอย่างไร เราได้รู้จักคำว่าประชานิยมกันมากขึ้น และรู้ว่ามันต่างกับประชาธิปไตยอย่างไร

ผ่านมา 3 ปี วันนี้พันธมิตรปราศรัย 24 ชั่วโมงเพื่อสร้างความเกลียดชังรัฐบาลให้เกิดขึ้นในใจประชาชนนับแสน โดยไม่พยายามนำเสนอการเมืองแนวใหม่ที่เขาเรียกว่าแนวประชาภิวัตน์ ซึ่งเขาเชื่อว่าดีกว่าประชาธิปไตย

ถ้าประชาภิวัตน์แปลว่าการคล้อยตามความคิดของประชาชน ใครอยากได้อะไรก็หาพวกมาเยอะ ๆ แล้วได้สิ่งนั้นไป ผมถือว่าเป็นกฎของอันธพาล ไม่ใช่ของคนที่มีวุฒิภาวะทางการเมือง ประชาภิวัตน์ที่ควรจะเป็นคือทำให้เสียงของทุกคนดังฟังชัดขึ้น แต่ต้องตั้งใจฟังเสียงของคนอื่นมากขึ้นเช่นกัน

ต่อให้มีการยุบสภาในวันพรุ่งนี้ ประเทศไทยก็ยังคงอยู่ในความมืดมนต่อไป เพราะเรายังไม่รู้จักคำว่าประธิปไตยดีพอ

ถ้าพันธมิตรได้อ่านข้อความนี้ ผมขอร้องล่ะ คุมคนของท่านให้อยู่ในระเบียบกว่านี้ ทำอะไรให้มีแผนปฏบัติการที่ชัดเจนกว่านี้ อย่าทำอะไรตามใจแบบนี้ ประเทศชาติก็เสียหาย ท่านก็ไม่ได้สิ่งที่ท่านเรียกร้อง

ผมก็ไม่ชอบระบบ "คอรัปชันถูกกฎหมาย" แต่ถ้าท่านจะล้มเขา ก็ควรจะล้มด้วย "ปฏิบัติการแห่งความชอบธรรม"

การปิดสนามบิน ผิดจากหลักอหิงสาโดยสิ้นเชิง

พันธมิตรบุกสนามบิน ตอนที่ 5

ขั้นตอนการยกเลิกตั๋ว และยกเลิกการเดินทางออกนอกประเทศเป็นไปอย่างรวดเร็ว แค่ไม่กี่นาทีผมก็ได้ออกมายืนหน้าประตู ตม. อีกครั้ง

ผมมองดูร้านรอบ ๆ ส่วนใหญ่ปิดร้านแล้ว แต่เนื่องจากร้านในสนามบินไม่มีประตู จึงต้องนำเอาโต๊ะในร้านมาวางเรียงซ้อนกันปิดหน้าร้านไว้

มองไปอีกด้านหนึ่ง ฝั่งในประเทศเต็มไปด้วยกองกำลังของพันธมิตรนอนเกลื่อนตามพื้น เหมือนกับผู้โดยสารที่อยู่ข้างใน คนสองฝ่ายไม่ได้นอนหลับสบายเหมือนที่บ้านเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่ ฝ่ายหนึ่งเป็นคนทำให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น แต่อีกฝ่ายหนึ่งเป็นเพียงชาวต่างชาติที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร

ถ้าไปถามพันธมิตรฯ เขาก็คงบอกว่าเขาเสียใจสำหรับความไม่สะดวก แต่นี่คือสิ่งที่ทุกคนจำเป็นต้องเสียสละเพื่อส่วนรวม และผลที่เราได้นั้นคุ้มค่ายิ่งนักกับประโยชน์ที่ประเทศชาติจะได้รับจากการลาออกของนายกรัฐมนตรี

เชื่อเถอะ ถ้าเอาพวกพันธมิตรไปอยู่ต่างประเทศแล้วโดนปิดสนามบินอย่างนี้ เขาจะไม่ยอมรับ "การเสียสละ" อย่างนี้อย่างแน่นอน

สิ่งที่ผมไม่เข้าใจคือคุณยึดสนามบินเพื่ออะไร ถ้าจะยึดเพื่อสร้างความชอบธรรม คุณก็จะต้องอธิบายให้มวลชนที่อยู่ในสนามบินทราบว่าคุณกำลังทำอะไร คุณจะไม่ล่วงละเมิดสิทธเสรีภาพส่วนบุคคลของผู้โดยสารอย่างไร

จะดีมาก ๆ ถ้าพวกเขาจะก่อม็อบโดยไม่ต้องกระทบกับตารางการบิน ในเมื่อสิ่งที่เขาต้องการคือตัวนายกฯ ที่กำลังจะบินกลับจากเปรู แล้วมวลชนคนอื่น ๆ เขาไปรู้เรื่องอะไรด้วย?

การยึดทำเนียบถือว่าเป็นการดูหมิ่นสถาบันบริหาร แต่ยังไม่ร้ายเท่ากับการยึดสนามบิน เพราะการยึดทำเนียบรัฐบาลมีผลกระทบต่อคนที่ทำงานในทำเนียบเพียงไม่กี่ร้อยหรือพันคน

แต่การยึดสนามบินเพื่อสร้างสถานการณ์รุนแรง กระทบโดยตรงต่อผู้โดยสารหลายพันคนที่อยู่ในสนามบินเวลานั้น และอีกหลายหมื่นคนที่ต้องเลื่อนเวลาการบินในวันต่อ ๆ ไป ผมถือว่าพันธมิตรหมดความชอบธรรมในการกู้ชาติแล้วครับ

พันธมิตรบุกสนามบิน ตอนที่ 4

การหาที่หลับนอนในสนามบินที่กว้างใหย่ขนาดนี้จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก

ที่ว่าง่ายเพราะว่าสนามบินกว้างมาก คุณจะนอนตรงไหนก็ได้ แต่มันยากตรงที่ว่าสนามบินสุวรรณภูมิใช้ระบบทำความเย็นแบบหล่อน้ำเย็นตามพื้น โดยไม่ต้องใช้ท่อลมอย่างในห้างสรรพสินค้า

หลายคนคงไม่เคยนั่งบนพื้นสนามบินสุวรรณภูมิมาก่อน เพราะปกติจะมีเก้าอี้นั่งเพียงพอสำหรับทุกคน

แต่วันนี้...ไม่พอ

หลายคนนั่งพื้น นอนพื้นไม่ได้ เพราะเย็นเกินไป ก็มานอนบนเก้าอี้แทน ใครที่เคยนอนพื้นหินอ่อนกลางแจ้งที่มีลมพัดตอนฤดูหนาว คงพอเข้าใจว่ามันเย็นแค่ไหนนะครับ แล้วจะมีสักกี่คนที่พกผ้าห่มมาในกระเป๋าถือขึ้นเครื่อง? ใครใส่เสื้อผ้าหนา ก็นอนสบายหน่อย แต่ถ้าเสื้อผ้าบางก็นอนขดเอา

ผมยึดเก้าอี้ได้ 1 ตัวนั่งสับประหงกจนกระทั่งประมาณตี 1 ครึ่งก็ได้พบ "น้ำใจของการบินไทย" นำน้ำและขนมมาแจกผู้โดยสารของการบินไทย ซึ่งอันที่จริงแล้วก็ไม่ได้แยกแยะสายการบินหรอกครับ ไม่มีการถามหาบอร์ดดิงพาส ว่าเป็นสายการบินไหน แล้วก็ประกาศว่าข้างล่างมีแจกน้ำกับแวนด์วิชอีก ขอให้ผู้โดยสารของการบินไทยลงไปรับได้

ผมเดินลงไปบริเวณทรานสิท ก็พบเจ้าหน้าที่การบินไทยประมาณ 10 คนกำลังขะมักเขม้นกับการแจกน้ำแจกขนมให้ผู้โดยสาร ซึ่งก็แยกกันไม่ออกหรอกว่าเป็นของสายการบินไหน ปากก็ร้องบอกว่าคนละ 1 ชิ้นนะคะ / นะครับ แต่ผู้โดยสารหลายคนก็หยิบไปมากกว่านั้น บ้างก็อ้างว่ามีกัน 2 คน บางคนรวบน้ำเปล่าไป 6 ขวดไม่พูดอะไรซักคำ

ผมกินแวนด์วิชและน้ำเสร็จก็สอบถามทางเจ้าหน้าที่จึงทราบว่า ผมสามารถไปขอยกเลิกตั๋วเครื่องบินได้ที่ตม. หลังรูปเกษียรสมุทร

ผมดีใจขึ้นมาทันที เพราะนั่นหมายถึงผมมีโอกาสจะได้กลับบ้านแล้ว

คนในสนามบินเตือนผมว่าพันธมิตรเขายึดสนามบินแล้ว จะออกไปยังพอไปได้ แต่จะต้องค่าแทกซี่จะแพงหน่อย

ผมมองกลับไปที่เคาน์เตอร์การบินไทยอีกครั้ง ขนมชุดใหม่ถูกนำมาวางอีก คราวนี้มาหยิบกันทีละชิ้น ไม่หยิบมากเหมือนชุดก่อน คงจะเริ่มรู้แล้วว่าการบินไทยมีขนมเยอะจริง ๆ

ผมนึกถึงคำพูดของท่านมหาตมะ คานธี ที่ว่า
โลกนี้มีทรัพยากรเหลือเฟือให้มนุษย์ทุกคนใช้อย่างพอเพียง แต่มีไม่พอสำหรับคนโลภเพียงคนเดียว

เอาล่ะ ผมจะได้กลับออกไปข้างนอกแล้วนะ

พันธมิตรบุกสนามบิน ตอนที่ 3

ผมนั่งกับพื้นอยู่ที่หน้าเกทอยู่นานสองนาน จนครั้งสุดท้ายที่แวะไปดูที่บอร์ด ผมก็พบว่าเที่ยวบินของผมก็ถูกยกเลิกแล้ว

หลักจากเดินไปติดต่อตรงโน้นที ตรงนี้ที ผมก็ได้ทราบว่าผมต้องรอให้การบินไทยยกเลิกตั๋วเครื่องบินของผม เพื่อนำไปยื่นต่อ ตม. หลังจากนั้นผมจึงจะกลับออกไปนอกสนามบินได้

หลายคนแนะนำว่าออกไปก็เจอพันธมิตรปิดกั้นอยู่ ก็กลับบ้านไม่ได้เหมือนเดิม น่าจะอยู่ในสนามบินจนเช้า อีกอย่างเคาน์เตอร์การบินไทยก็ไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว จะยกเลิกตั๋วเครื่องบินก็ยังไม่ได้

คนที่ให้ข้อมูลแก่ผมก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็เป็นน้องผู้หญิง 2 คนในชุดสีม่วงของพนักงานการบินไทยนั่นเอง น้องทั้งสองคนน่าจะเป็นกราวด์ ในตำแหน่งที่ไม่สูงพอจะดำเนินการเรื่องตั๋วให้ผมได้ แต่น้องเขายืนอยู่ตรงกลางทางเดิน คอยตอบคำถามของคนที่ผ่านไปผ่านมาอย่างขะมักเขม้น ถึงแม้น้องเขาช่วยอะไรได้ไม่มาก แต่ผมประทับใจน้องทั้งสองคนนั้นที่ความมีน้ำใจ และความมีจิตใจของการให้บริการของน้องเขา ในขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงกว่านี้กลับบ้านไปแล้ว แต่น้องสองคนยังยืนตอบคำถามตามความสามารถที่ตนจะทำได้ อย่างไม่ท้อถอย

ผมกล่าวกับน้องทั้งสองคนว่า "ขอบคุณครับที่ยังอยู่แถวนี้"

ผมไม่รู้ว่าคนที่อยู่ในสนามบินเขากลัวอะไร แต่เขาพากันกลับบ้านไปก่อนเวลาแล้ว บางร้านก็เก็บสินค้าออกจากตู้ทั้งหมด อาจเป็นเพราะเวรต่อไปไม่มารับช่วง และตัวเองก็กลัวว่าจะไม่ได้กลับบ้าน จะทิ้งร้านก็กลัวของหาย หรือว่ากลัวพันธมิตรจะบุเกข้ามาทำลายข้าวของ

ไม่มีใครรู้หรอกครับ เพราะเขาทำงานกันอย่างไม่มีแผนนี่ครับ

สำหรับผม มันเป็นภาพที่แปลกตามากเลย ที่ได้พบร้านในสนามบินซึ่งเคยเปิดสว่างไสวตลอดเวลา แต่ตอนนี้กลับปิดเหลือแต่ร้านโล่ง ๆ ลองนึกภาพสิครับ ถ้าคุณเห็นร้าน 7-11 สาขาใกล้บ้านคุณปิดตอนกลางคืน มันจะแปลกตาขนาดไหน

ผมได้ทราบว่าเคาน์เตอร์การบินไทยจะเปิดตอนตี 5 ครึ่ง เพื่อจะช่วยเคลียร์ปัญหาเรื่องตั๋ว และต่อมาก็ได้ทราบว่าเลื่อนออกไปเป็น 7 โมง เพราะพันธมิตรปิดถนนอยู่ การจะเข้ามาภายในสนามบินน่าจะเป็นเรื่องลำบากเกินไป

เอาล่ะ ด้วยผลงานของพันธมิตร ผมจะต้องหาที่หลับนอนในสนามบินระดับโลกสำหรับคืนนี้แล้วล่ะ

พันธมิตรบุกสนามบิน ตอนที่ 2

หลังจากพันธมิตรบุกเข้าอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ ได้สัก 1 ชั่วโมง ผมก็ต้องตัดสินใจว่าจะถอยหลังกลับบ้าน หรือจะเดินหน้าต่อ

โอกาสที่เที่ยวบินจะโดนยกเลิกมีสูงมาก แต่ถ้าบังเอิญเขาไม่ยกเลิกล่ะ? ผมคงจะเสียดายที่ตื่นตระหนกเกินไป ในที่สุดผมก็เลือกที่จะเดินหน้าเข้า ตม. อย่างมากถ้าเที่ยวบินถูกยกเลิกผมก็แค่เสียเวลาคืนนี้ทั้งคืน

การตรวจพาสปอร์ตผ่านไปอย่างราบรื่น เหมือนว่าเจ้าหน้าที่ ตม. จะไม่ได้ยินประกาศของสนามบิน

ผมเดินเข้าไปเรื่อย ๆ จนถึง เกทที่จะไปขึ้นเครื่อง แต่กลับพบว่าเกทถูกปิดชั่วคราว เพราะไม่รู้ว่าเที่ยวบินจะยกเลิกหรือเปล่า มองไปรอบตัว ทุกคนยืนนิ่ง สายตาจับจ้องที่จุดเดียวกันคือบอร์ดที่แสดงเที่ยวบินสำหรับคืนนี้ ซึ่งก็ถูกยกเลิกไปหลายเที่ยวบินแล้ว

ผมเลือกที่มุมว่าง ๆ มุมหนึ่งไม่ห่างจากทางเข้าเกท ทุกคนอยู่ในอาการเงียบสงบ ไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง คนต่างชาติมีหน้าตาที่เคร่งเครียดมากกว่าคนไทย เพราะเขาไม่รู้ว่าจะได้กลับบ้านเมื่อไร ในขณะที่คนไทยอย่างมากก็แค่กังวลเรื่องธุระที่จะไปทำที่ต่างประเทศ

ท่ามกลางความเงียบเหงาและอึมครึม ผมได้พบภาพของน้ำใจ ซึ่งดังขึ้นพร้อมกับสัญญาณ บี๊พ บี๊พ บี๊พ ของเครื่องตรวจจับโลหะ ผมมองตามเสียงนั้นไป และพบว่ามีเจ้าหน้าที่ 2-3 คนกำลังยกเก้าอี้ยาวจากในเกทออกมาวางหน้าเครื่องตรวจจับโลหะ และตะโกนบอกว่า "elderly people sit here" คนที่ได้ยินคงยิ้มเหมือนกับผม

ในนาทีที่ยากลำบากในชีวิต เราได้เห็นน้ำใจของมนุษย์โลก ที่หยิบยื่นให้แก่กัน

แต่.....
คืนนี้ยังอีกยาวนานนัก เราจะช่วยเหลือกันไปได้อีกนานแค่ไหน เราจะต้องอยู่ในสถานที่แห่งนี้ต่อไปอีกกี่ชั่วโมง

พันธมิตรบุกสนามบิน ตอนที่ 1

วันที่ 25 พ.ย. 51 พันธมิตรบุกยึดสุวรรณภูมิ วันที่ 26 ยึดดอนเมือง

ผมคือคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งสองนั้น

ผมบินจากสุโขทัยมาถึงสุวรรณภูมิประมาณ 1 ทุ่ม และเข้าเช็คอินที่เคาน์เตอร์การบินไทย เพื่อจะบินไปต่างประเทศเที่ยวบิน 5 ทุ่มกว่า

สุวรรณภูมิวันนี้ดูแปลกไป เพราะมีตำรวจ และรปภ.มาเดินเยอะกว่าปกติ ชั้น 4 เปิดแค่ 2 ประตูคือประตู 5 และ 10

ประมาณ 2 ทุ่ม การท่าฯ ก็ปิดประตูทั้งหมดของชั้น 4 ทุกคนมองออกไปข้างนอก กองกำลังของพันธมิตรกำลังเดินเท้าขึ้นมา หลังจากที่ได้ปิดเส้นทางการจราจรเข้าสนามบินตั้งแต่ช่วงเย็นที่ผ่านมา

ประมาณ 20.40 น. (ถ้าจำไม่ผิด) มีเสียงโห่ร้องในอาคารผู้โดยสาร เป็นพันธมิตรที่เข้ามาอยู่ในสนามบินมาตั้งนานแล้ว ไม่ใส่เสื้อเหลือง มาเดินปะปนอยู่กับผู้โดยสาร พอกองกำลังส่วนใหญ่มาถึงประตู พวกเขาก็โห่ร้องขึ้นอีกครั้ง แล้วก็เปิดประตูให้กองกำลังส่วนใหญ่เดินเข้ามา ตำรวจที่มาประจำอยู่ที่นั้นก็ปล่อยให้เข้ามาโดยไม่มีการปะทะกัน ตำรวจมีแค่โล่กับกระบองสั้น ๆ

ผมนึกว่าพวกเขาจะเดินเข้ามาทั้งหมด มาตั้งแถวในอาคารผู้โดยสาร มายึดอาคารนี้ทั้งอาคาร หรือบางส่วน

แต่... เปล่าเลย

เขาเปิดประตูเข้ามาได้ก็มายืนเก้ ๆ กัง ๆ ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อ พวกที่เคยแฝงตัวข้างในก็งง ทำไมเปิดประตูแล้วไม่เข้ามา พวกที่เดินเข้ามาแล้วก็ถูกเรียกกลับออกไป เดินเข้า ๆ ออก ๆ อยู่พักใหญ่ ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อ จนเกือบ 3 ทุ่มก็พากันร้องเฮและวิ่งเข้ามาในอาคาร ผู้โดยสารนับร้อยที่อยู่ในอาคาร พากันวิ่งหนีไปอยู่ด้านใน ติดกับจุดตรวจสัมภาระของผู้โดยสารขาออกในประเทศ

แต่... เขาไม่วิ่งเข้ามาทั้งหมด

เขาเข้ามาแค่ประมาณ 100 คน วิ่งมาได้สักประมาณ 50 เมตร ถึงตรงกลางพื้นที่เช็คอิน ก็หยุด เพราะไม่รู้จะวิ่งไปไหน เพื่อนก็ไม่วิ่งตามมา

ก็เลยยึดพื้นที่อยู่แค่นั้น

ผู้โดยสารที่วิ่งไปหลบ ก็ค่อย ๆ เดินออกมา ไม่รู้ว่าพันธมิตรจะทำอะไรต่อไป ฝ่ายพันธมิตรก็เดินไปเดินมา เข้าห้องน้ำบ้าง พูดคุยกันบ้าง แต่ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ที่เป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากภายนอกเริ่มมีการปราศรัย

ผมเริ่มสงสัยว่า การเคลื่อนไหวของพันธมิตรครั้งนี้ ใครเป็นผู้นำ มีวัตถุประสงค์อย่างไร มีแผนอย่างไร มีการตระเตรียมคนที่จะนำกลุ่มคนที่ทำหน้าที่ต่าง ๆ กันในการบุกยึดสนามบินหรือไม่

เพราะสิ่งที่ปรากฏต่อสายตาของผมนั้นเป็นแค่การกระทำของอันธพาลอิสระที่มารวมกลุ่มกัน ทำอะไรก็ได้ให้มันดูรุนแรง แต่ทำกันแบบไม่มีแผน ใครนึกอยากจะทำอะไรทำ ไม่รู้ว่าจะยึดสนามบินได้ง่ายขนาดนี้ พอยึดได้แล้วเลยไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อ

ศรัทธาที่ผมเคยมีต่ออุดมการของพันธมิตร หดหายไปเยอะ

21.40 น. มีประกาศกระจายเสียงว่าเพื่อความปลอดภัย ขอให้ผู้โดยสารและบุคคลที่อยู่ในอาคารฯ ออกจากอาคารฯ ทันที โดยใช้ประตู 4 และ 8 ที่ชั้น 1

ผมต้องตัดสินใจแล้วว่าจะกลับออกไปข้างนอก หาทางกลับบ้าน หรือจะเข้าด่าน ตม. เผื่อจะได้บินในคืนนี้
ติดตามตอนต่อไป